วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมที่11

การกำหนดมาตรฐานคุณภาพของครูในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ครูจะต้องทำกิจกรรม 7 อย่างคือ 1) การวิเคราะห์หลักสูตร 2) การวิเคราะห์ผู้เรียน 3) การจัดกิจกรรมที่หลากหลาย  4) การใช้เทคโนโลยีเป็นแหล่งและสื่อการเรียนรู้ของตนเองและนักเรียน  5) การวัดและประเมินผลตามสภาพจริงอย่างรอบด้านและเน้นพัฒนาการ 6) การใช้ผลการประเมินเพื่อแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ  7) การใช้การวิจัยปฏิบัติการในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียนและการสอนของตน
      จากประเด็นดังกล่าว นักศึกษาจะนำวิธีดังกล่าวมาจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เมื่อนักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  (ข้อสอบ 20 คะแนน) ยกตัวอย่างออกแบบการจัดการเรียนรู้
               นำวิธีดังกล่าวมาจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพโดยพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้เป็นคนดีมีปัญญา  มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มศักยภาพของผู้เรียนให้สูงขึ้น สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข
               1 ) ผู้สอนจะต้องคำนึงถึงลักษณะทั่วไปและลักษณะเฉพาะของผู้เรียน เช่น การกำหนดลักษณะทั่วไป ซึ่งได้แก่  อายุ  ระดับความรู้  สังคม  เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของผู้เรียนแต่ละคน ถึงแม้ว่าลักษณะทั่วไปของผู้เรียนจะไม่มี ความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทเรียนก็ตามแต่ก็เป็น สิ่งที่ช่วยให้ผู้สอนสามารถตัดสินระดับของบทเรียนและเพื่อเลือกตัวอย่างของเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียน
               2 )  ผู้สอนจะต้องมีกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้และสนุกสนานในการเรียนและการทำกิจกรรมปรับสื่อการสอนและวิธีการที่จะนำมาใช้ในการสอนให้เหมาะสมและเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง  
               3 )  การสอนโดยใช้เทคโนโลยีคือนำเทคนิคใหม่ๆมาปรับใช้ในการสอนเช่นเสนอเป็น  power point  หรือสมุดอิเลคทรอร์นิคมีเนื้อหาและภาพที่หน้าสนใจ
               4 ) ให้เด็กทำข้อสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเพื่อดูการพัฒนาของเด็กและตั่งเกณฑ์ในการประเมินว่าผ่านหรือใหม่ผ่านและวิธีนี้จะกระตุ้นให้เด็กมีความตั้งใจเรียนและมีความรับผิดชอบ
                5 )   ผลประเมินที่ได้จากการประเมิลตัวผู้เรียนว่าผ่านหรือไม่ผ่านได้นำเอามาสังเกตดูว่าตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือใหม่และก็นำมาปรับใช้ในการสอนครั้งต่อไปเพื่อที่จะให้ผู้เรียนมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน
                 6 )  การที่เราจะจัดการเรียนการสอนจากการสังเกต  วัดผล  ทดสอบต่างๆ  เรานำมาวิจัยดูพฤติกรรมของผู้เรียนและนำไปพัฒนานวัตกรรมสื่อใหม่ๆเพื่อการเรียนรู้และปรับปรุงการสอนให้ดีขึ้นและนำประสบการณ์มาปรับปรุงและแก้ไขแล้วนำไปใช้ในอนาคต  และพัฒนาการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพไปสู่จุดมุงหมายของหลักสูตร
 
ตัวอย่างออกแบบการจัดการเรียนรู้

แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม          ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม   เรื่องวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเวลา1ชั่วโมง
1. สาระสำคัญ
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ทางพระพุทธศาสนาขึ้น
ในสมัยพุทธกาล พุทธศาสนิกชนจะยึดถือเอาวันเหล่านั้นเป็นวันที่ควรระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยเป็นพิเศษ พุทธศาสนิกชนนิยมประกอบศาสนาพิธีเพื่อเป็นการบูชาและประพฤติให้ถูกต้องในวันสำคัญ และพิธีกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสม
2. มาตรฐานการเรียนรู้
ประพฤติปฏิบัติตนตามหลักธรรม และศาสนาพิธีของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ค่านิยมที่ดีงาม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตน บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อการอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
3. มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น
 รู้และปฏิบัติตนตามหลักศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม หลักธรรมทางศาสนาที่ตนนับถือในเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง กลุ่มสังคมที่ตนเป็นสมาชิก และสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ตัว ชุมชนและประเทศชาติ เพื่อการอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
 ใช้ภาษาในคัมภีร์ที่ใช้ในศาสนาที่ตนนับถือ และร่วมศาสนาพิธี พิธีกรรม วันสำคัญทางศาสนาด้วยความเต็มใจ
4. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
            มีความรู้ ความเข้าใจ บอกความหมาย เห็นความสำคัญ รู้เข้าใจเหตุการณ์สำคัญ ๆและปฏิบัติกิจกรรมที่พึงกระทำในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาได้ด้วยความศรัทธาและถูกต้องเหมาะสม
5. จุดประสงค์การเรียนรู้
            1. บอกความหมายความสำคัญ ที่เกิดขึ้นในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
              2. ปฏิบัติกิจกรรมที่พึงกระทำในวันสำคัญทางพระพุทธ ศาสนา ได้ด้วยความศรัทธา

7. สาระการเรียนรู้
            วันสำคัญทางศาสนา
                        - วันมาฆบูชา - วันวิสาขบูชา
                        - วันอัฏฐมีบูชา - วันอาสาฬหบูชา
                        - วันธรรมสวนะ
8. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1 ช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยยึดเด็กเป็นสำคัญ
            1. นักเรียนสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและ ทำสมาธิ ( 3-5 นาที)
2. ครูทักทายสนทนาประสบการณ์ เกี่ยวกับการปฏิบัติตนในวันสำคัญทางศาสนาว่าเคยปฏิบัติตนอย่างไร และมีความรู้สึกอย่างไร
            3. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และสาระการเรียนรู้
            4. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง วันสำคัญทางทางศาสนา จำนวน 10 ข้อ
            5. แบ่งนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม คละความสามารถ ประกอบด้วย คนเก่ง 1 คน ปานกลาง 2 -3 คน และอ่อน 1 คน ครูแนะนำการเรียนรู้บทเรียนอิเรคทรอนิค โดยใช้โปรแกรม power pointโดยนักเรียนต้องร่วมมือกัน และต้องดูแลช่วยเหลือกันในการเปิดบทเรียน อ่านและเรียนรู้ร่วมกัน ใช้คอมพิวเตอร์กลุ่มละ 1 เครื่อง คนที่เก่งจะเปิดบทเรียนอิเรคทรอนิค นักเรียนในกลุ่มเรียนรู้ร่วมกันโดยอ่านเนื้อหาข จบตอนแต่ละช่วงของวันสำคัญ แต่ละวันหยุดอภิปรายแสดงความคิดเห็น ครูคอยสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนรายบุคคล และพฤติกรรมการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่ม
            6. ครูชี้แนะในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแต่ละวันมีความสำคัญอย่างไร วันสำคัญมีอะไรที่เป็นปรากฏการณ์ที่นักเรียนสังเกตเห็นได้
            7. นักเรียนและครูช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้รับ จากการเรียนรู้บทเรียนอิเลคทรอนิค โดยใช้โปรแกรม power point
            8.นักเรียนดูภาพประกอบ กิจกรรมวันสำคัญทางศาสนา แล้วร่วมสนทนาซักถามอภิปรายความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพ
            9. แจกใบงานที่ 1 เรื่องวันสำคัญทางศาสนา นักเรียนทำใบงาน ครูสังเกตพฤติกรรมการทำงานแต่ละคนแต่ละกลุ่มและคอยให้คำแนะนำ ตอบข้อซักถามของนักเรียน
            10. ครูแจกใบงานที่ 2 พร้อมกับให้นักเรียนสรุปเกี่ยวกับภาพว่านักเรียนคนใดเคยได้ปฏิบัติตามภาพ ที่นักเรียนได้เห็นบ้าง
            11. ตรวจผลงานร่วมกัน ครูชี้แนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิธีกรรมในแต่ละวัน ของวันสำคัญทางศาสนาพร้อมสรุปข้อที่ควรปฏิบัติกับวันสำคัญ
            12.   ทำแบบทดสอบหลังเรียน  จำนวน 10  ข้อ
8. อุปกรณ์ สื่อและแหล่งการเรียนรู้
            1. โปรแกรม power point เรื่อง วันสำคัญทางศาสนา
            2. ใบงานที่ 1 เรื่อง วันสำคัญทางศาสนา
            3. ใบงานที่ 2 เรื่อง เหตุการณ์วันสำคัญทางศาสนา
            4. หนังสือ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
            5. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง วันสำคัญทางศาสนา จำนวน 10 ข้อ
            6. ภาพการแสดงธรรมในวันสำคัญทางศาสนา
9. การวัดผลและประเมินผล
            9.1 วิธีการวัด/สิ่งที่วัด
                        1. การตรวจใบงาน
                        2. การสังเกตการณ์ทำงานอย่างสร้างสรรค์และมีวิจารณญาณ
                        3. การสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
                        4. การสังเกตพฤติกรรมกลุ่ม
                5. การตรวจผลงานจากแบบทดสอบ

            9.2 เครื่องมือวัด
                        1. แบบประเมินผลการทำข้อทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน
                        2. แบบประเมินพฤติกรรมการอภิปรายและบันทึกผล
                        3. แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคลและรายกลุ่ม
                        4. แบบบันทึกประเมินการฝึกปฏิบัติใบงานที่ 1 และใบงานที่ 2
            9.3 การประเมินผล
                        1. ผลการปฏิบัติใบงานที่ 1
                        2. ผลการปฏิบัติใบงานที่ 2
                        3. ผลทดสอบหลังเรียน
เกณฑ์การวัด
            ผ่านเกณฑ์       นักเรียนผ่านเกณฑ์ประเมินตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป
            ไม่ผ่านเกณฑ์   นักเรียนผ่านเกณฑ์ประเมินน้อยกว่าร้อยละ 50


กิจกรรมที่ 10

ให้นักศึกษาได้ศึกษาเหตุการณ์ในประเด็นต่อไปนี้
เหตุการณ์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นกับประชาชนและประเทศไทยให้นักศึกษาอ่านและศึกษาข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ Internet  Blog ต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นสรุปวิเคราะห์สังเคราะห์ ลงในบล็อกของนักศึกษาในกิจกรรมที่ 101)  กรณีเขาพระวิหารจังหวัดศรีสะเกษ 
2)  กรณีพื้นที่ชายแดน จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์  จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดสระแก้ว ตราด เกาะกรูด ทะเลในอ่าวไทย
3)  กรณี MOU43 ของรัฐบาลนายชวนหลีกภัยมีผลต่อการจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างไร หากมีการนำมาใช้จะก่อให้เกิดปัญหากับพี่น้องประชาชนในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนไทยกับกัมพูชาอย่างไร
4)  กรณี คนไทย 7 คน ประกอบด้วย สส.พรรคประชาธิปัตย์  (นายพนิต)  ประชาชนหัวใจรักชาติ (นายวีระ สมความคิด นายแซมดิน  นายตายแน่  มุ่งมาจนและผู้ติดตามผู้หญิงอีก 2 ท่าน) ร่วมกับสส.ไปตรวจพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ในการแบ่งเขตพื้นที่ชายแดน และถูกทหารกับพูชากับจับหรือลักพาตัวไปขึ้นศาลประเทศกัมพูชาในฐานะที่นักศึกษาเรียนวิชาสังคม จะนำความรู้มาอธิบายให้นักเรียนของท่านได้รับรู้ข้อมูลอย่างไร  โปรดสรุปและแสดงความคิดเห็น

 1) กรณีเขาพระวิหารจังหวัดศรีสะเกษ
                     แผนที่ฝรั่งเศสที่ศาลโลกกรุงเฮกอ้างอิงในการตัดสินให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา  เป็นแผนที่ที่กำหนดเส้นพรมแดนโดยไม่ได้ยึดแนวสันปันน้ำไทยได้โต้แย้งเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2505 ประเทศไทยได้ยอมรับว่า "ปราสาทพระวิหาร" เป็นของกัมพูชาแต่ระหว่างเทศยืนยันที่จะยึดแนวสันเขตแดนตามหลักสากลโดยใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งไม่เคยยอมรับอาณาบริเวณบนยอดผาและรอบ ๆ ว่าเป็นของประเทศนั้น ไทยได้ทำบันทึกยื่นต่อศาลนสมัยรัชกาลที่ 5 และได้ทรงจารึกปี ร.ศ. ที่พบเป็นเลขไทย ตามด้วยพระนามไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดี เป็นข้อความว่า "๑๑๘  สรรพสิทธิเมื่อประเทศฝรั่งเศสเข้าครอบครองอินโดจีนได้ทำสนธิสัญญา พ.ศ. 2447ในการปักปันเขตแดนกับราชอาณาจักรสยามมีความตามมาตรา 1 ของสนธิสัญญา ระบุให้ใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งพรมแดน ต่อมาฝรั่งเศษทำแผนที่ผ่ายเดียวจึงตกเป็นของกัมพูชาโดยรัฐบานไทยไม่ทักทวงความถูกต้องของแผนทีต่อมาในปี พ.ศ. 2483 ประเทศฝรั่งเศสแพ้สงครามต่อประเทศเยอรมนี      จอมพลปอ    พิบูลส่งคราม  นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น     ได้ยื่นข้อเสนอเรียกร้องดินแดนที่เสียไปในสมัยรัชกาลที่ 5     คืนจากฝรั่งเศสและฝรั่งเศสได้ตกลงคืนจังหวัดไชยบุรี จำปาศักดิ์ เสียมราฐ  และพระตะบองให้กับไทย ตาม อนุสัญญาโตเกียว  ทำให้ปราสาทพระวิหารกลับมาอยู่ในดินแดนไทยอย่างสมบูรณ์ ต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่2  รัฐบาลไทยประกาศเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรทำให้ปราสาทพระวิหารกลับไปอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชประเทศกัมพูชาได้รับเอกราชตามสนธิสัญญาเจนีวา   และไทยได้ส่งทหารเข้าไปรักษาการบริเวณปราสาทพระวิหารอีกครั้งภายหลังกัมพูชาได้รับเอกราช กษัตริย์กัมพูชาสละราชสมบัติเข้าสู่การเมืองได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีและประกาศเรียกร้องให้ไทยคืนปราสาทพระวิหาร และไทยไม่ยอมรับ  เจ้านโรดมประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย เมื่อวันที่ 24พฤศจิกายน พ.ศ. 2501และในปีต่อมา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 เจ้านโรดมสีหนุได้ฟ้องร้องต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก ให้ไทยคืนปราสาทพระวิหาร ฝ่ายไทยต่อสู้คดี   โดยมี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช กับคณะรวม 13 คน เป็นทนายฝ่ายไทย และฝ่ายกัมพูชา  อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เป็นหัวหน้าคณะ กับพวกอีกรวม 9 คน   ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา ด้วยเสียง 9 ต่อ 3 และในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินแล้ว 20 วัน รัฐบาลไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือไปยัง นายอูถั่น เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อประท้วงคำพิพากษาของศาลโลก และสงวนสิทธิที่ประเทศไทยจะเรียกร้องปราสาทพระวิหารกลับคืนในอนาคต ทั้งนี้คำตัดสินของศาลโลกนั้นเป็นที่สิ้นสุด ไม่มีการอุทธรณ์ การจะนำคดีกลับขึ้นมาพิจารณาใหม่นั้นสามารถทำได้ถ้ามีหลักฐานใหม่และต้องทำภายในสิบปี
1)      กรณีพื้นที่ชายแดน จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์  จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดสระแก้ว ตราด เกาะกรูด ทะเลในอ่าวไทย
ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 จะทำให้เส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาเปลี่ยนแปลงไป
      
       กล่าวคือ กัมพูชาเริ่มเปิดเกมรุกด้านดินแดนกับพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่กัมพูชาต้องการครอบครองด้วยการนำปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก จากนั้นเมื่อขึ้นมรดกโลกสำเร็จเส้นเขตแดนก็จะเปลี่ยนแปลงไป เพราะส่งผลทำให้ไทยต้องสูญเสียพื้นที่ 1.5 ล้านไร่ โดยกินพื้นที่ตั้งแต่อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตามขอบชายแดนตลอดไป จนถึงจันทบุรีและตราด
        ที่สำคัญคือ ประเทศไทยและกัมพูชายังมีการประกาศอ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย ซึ่งมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกัน คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 34,000 ตารางกิโลเมตร โดยฝ่ายกัมพูชาประกาศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2515 ซึ่งวัดจากเส้นเขตแดนทางบกที่มาจรดริมทะเลตามที่ปรากฏในแผนที่ฝรั่งเศส โดยลากเส้นไหล่ทวีปพาดผ่านยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดของไทย
       ขณะที่ฝ่ายไทยประกาศเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2516 โดยวัดจากเส้นเขตแดนทางบกที่จรดริมทะเลตามที่ปรากฏในแผนที่เดินเรืออังกฤษ หมายเลข 2414 โดยเส้นในช่วงแรกใช้แนวแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของไทยกับเกาะกงของ กัมพูชา ส่วนเส้นช่วงที่เหลือเป็นเส้นแบ่งครึ่งทะเลระหว่างแนวเกาะของไทยกับกัมพูชา ซึ่งพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลดังกล่าวนั้นทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถ ตกลงกันได้
         และด้วยเหตุดังกล่าวทำให้พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลกลายเป็น ปัญหาที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเนื่องจากฝ่ายกัมพูชาต้องการครอบครอง และถูกนำไปเชื่อมโยงกับการนำ ปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพราะในการเป็นมรดกโลกนั้นจะต้องมีเขตพื้นที่กันชน ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า จะเข้ามาล่วงล้ำอธิปไตยของไทย
            3)  กรณี MOU43 ของรัฐบาลนายชวนหลีกภัยมีผลต่อการจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างไร หากมีการนำมาใช้จะก่อให้เกิดปัญหากับพี่น้องประชาชนในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนไทยกับกัมพูชาอย่างไร
                
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีในยุคที่มีการเซ็น MOU ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นคนเซ็นลงนามในหนังสือดังกล่าวร่วมกับ นายวาร์ คิม ฮง ที่ปรึกษารัฐบาลที่รับผิดชอบกิจการชายแดนของกัมพูชา นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์
ทั้งๆ ที่ความจริงก็คือ MOU ฉบับดังกล่าวเป็น MOU ซึ่งทำให้ไทยต้องสูญเสียอธิปไตยในผืนแผ่นดินของตัวเองด้วยการยอมรับแผนที่ มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ระวางดงรักหรือ ANNEX1 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนเป็นจำนวนมากโดยกินพื้นที่ตั้งแต่ อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตามขอบชายแดนตลอดไป จนถึงจันทบุรีและตราด
         ทั้งนี้ MOU 43 คือการร่วมกันดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรไทย กับราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้ ข้อ ก. อนุสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส แก้ไขเพิ่มเติมข้อบทแห่งสนธิสัญญาฉบับ ลงวันที่ 3 ตุลาคม รัตนโกสินทร์ศก 112 หรือปี ค.ศ.1893 ว่าด้วยดินแดนกับข้อตกลงอื่นๆ ฉบับลงนาม ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร์ศกปี 122 ปี ค.ศ. 1904  ข้อ ข. สนธิสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ ฝรั่งเศส ฉบับลงนาม ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทร์ศก 125 ปี ค.ศ. 1907 หรือว่า 2450 กับพิธีศาลว่าด้วยการปักปันเขตแดน แนบท้ายสนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทร์ศก 125 หรือ ปี ค.ศ. 1907
      
             
4. กรณี คนไทย 7 คน ประกอบด้วย สส.พรรคประชาธิปัตย์  (นายพนิต)  ประชาชนหัวใจรักชาติ (นายวีระ สมความคิด นายแซมดิน  นายตายแน่  มุ่งมาจนและผู้ติดตามผู้หญิงอีก 2 ท่าน) ร่วมกับสส.ไปตรวจพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ในการแบ่งเขตพื้นที่ชายแดน และถูกทหารกับพูชากับจับหรือลักพาตัวไปขึ้นศาลประเทศกัมพูชาในฐานะที่นักศึกษาเรียนวิชาสังคม จะนำความรู้มาอธิบายให้นักเรียนของท่านได้รับรู้ข้อมูลอย่างไร  โปรดสรุปและแสดงความคิดเห็น
 5ม.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40  ส.ว. เปิดเผยว่า  วันนี้ตนพร้อมด้วย ส.ว. ในกลุ่มอีก  2 คนได้เดินทางลงพื้นที่ ต.บ้านใหม่นองไทร  อ.อรัญประเทศ  จ.สระแก้ว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ 7 คนไทยถูกจับ ได้พบกลุ่มชาวบ้านกว่า 10 คนทั้งหมดล้วนมีเอกสารสิทธิในที่ดินที่กัมพูชาอ้างว่าเป็นของเขาทั้ง นส. 3 ก. นส.  2 หรือ สค 1 โดยทั้งหมดเสียภาษีให้กับรัฐบาลไทยทุกปีแต่ไม่สามารถเข้าไปทำมาหากินได้   เพราะตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 ยูเอ็นได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอพยพหนีภัยสงครามของชาวเขมร แต่เมื่อสงครามจบสิ้นก็ไม่ยอมกลับประเทศ
                   โดยเฉพาะในจุดที่ 7 คนไทยถูกจับนั้นเป็นของไทยแน่นอนเพราะมีหลักฐานว่าเป็นที่ดินของนายเบ พูลสุข ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ยังเหลือแต่ลูกสาว แต่ผู้นำรัฐบาลโดยเฉพาะนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กลับไปยอมรับว่าคนไทยทั้ง 7 คนรุกล้ำเข้าในแผ่นดินกัมพูชา ปัญหาเหล่านี้เคยร้องเรียนตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ครั้งนั้นพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี
                     วันนี้เราปล่อยให้ไปขึ้นศาลแล้ว ถ้าขอกลับมาได้โดยยอมรับคำพิพากษาก็จะเกิดปัญหาทันที เพราะว่าเขตแดนที่ปักหลักเขตที่เห็นในภาพ ตรงนั้นไม่ใช่เขตแดนจริงตามที่ได้ข้อมูลจากทางราชการ แต่เป็นการปักเขตแดนในสมัยสงคราม ซึ่งยังไม่มีการวัดเขตแดนจริง ถ้ารัฐบาลดำเนินการพลาด เรื่องนี้ก็จะคล้ายกับเขาพระวิหารเมื่อถามว่าหากเข้าสู่กระบวนการของการพิจารณาไปแล้วจะมีปัญหาในการเจรจาเรื่องเขตแดนในอนาคตหรือไม่ อย่างที่บอกว่าดินแดนตรงนั้นเข้าปักเขตขึงลวดหนามตอนที่รบกัน เพื่อกั้นเขตไว้ แต่กรณีนี้เป็นการคบเด็กสร้างบ้าน เดินเข้าไปอย่างหน้าตาเฉย ตนบังเอิญเจอ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ มีหลายคนก็บอกว่านายพนิช อ่อนหัดจริงๆ เป็นถึง ส.ส. แต่กลับให้กลุ่มพันธมิตร ใช้ประโยชน์ตนเอง ส่วนวิธีการใช้คนไปทำงาน โดยปกตินายกก็สามารถใช้ได้ ไม่เว้นแม้แต่งานลับนั้น ตนถือว่าทำได้แต่ต้องไม่ละเมิดกฎหมายอันไม่ชอบ โดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าเป็นสหรัฐอเมริกา ควรต้องลาออกแล้ว เพราะมีการทำผิดหลายรอบ แสดงให้เห็นว่าไม่มีทักษะ


กิจกรรมที่9

กิจกรรมที่9
ให้นักศึกษา ดูทีวีในแหล่งความรู้โทรทัศน์สำหรับเลือกดูคนละหนึ่งเรื่อง การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน  ให้สรุปเป็นประเด็นสำคัญ ที่นักศึกษาเห็นว่าสำหรับการจัดการเรียนการสอน และหากนักศึกษาไปฝึกสอนในสถานศึกษาที่ได้ดูจากทีวี  นักศึกษาจะเตรียมตัวออกสังเกตการสอนว่า  อาชีพครูจะต้องมีคุณสมบัติที่ดีอย่างไร และจะทำให้เกิดกับตัวนักศึกษาได้อย่างไร  เขียนอธิบายขยายความลงในบล็อกของนักศึกษาในกิจกรรมที่ 9 (โทรทัศน์สำหรับครูอยู่ในแหล่งเรียนรู้สำหรับนักศึกษาครู เลือกพยายามอย่าให้ซ้ำกัน หรือซ้ำกันแต่ให้มุมมองที่แตกต่างกัน
โทรทัศน์ครู  เพื่อพัฒนาครู
              สนทนากับ ร.  ลัดดา  ภูเกียรติ  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของโทรทัศน์ครูเรื่องนำรายการต่างๆในโทรทัศน์ครู  มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาครู  นำหลักการ  เทคนิค กระบวนการไปประยุกต์ใช้ในห้องเรียนหรือในโรงเรียน   อดีต ร.  จุฬาลงกมหาวิทยาลัย   ฝ่ายประถมและสอนหลายวิชา  ได้รับเป็นที่ปรึกษา   เป็นครูมา 37 ปี 4เดือน
              ท่านได้พูดว่า  ความเป็นครูคือครุ  คือครูทำงานหนักมาก   งานครูคือการสร้างคน  ถ้าจะสอนสามารถนำเทคนิคดีๆมาประยุกต์ใช้ได้  ยกตัวอย่างคือ
              ครู ชาคริศ   หะชัน  เป็นครูรุ่นใหม่คือครูไทยในปัจจุบันได้ดูรายการโทรทัศครู การสร้างครูไม่ได้สร้างในวันเดียวเขาได้นำไปปรับตัวของตัวเอง  ทำให้เป็นครูได้อย่างสมบูรณ์โดยได้นำกระบวนการไปประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอน   การผ่านกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ   ทำให้เด็กกล้าคิด   กล้าพูด   กล้าทำ   กล้าถาม    ครูจะต้องกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา  การสอนต้องเดินไปข้างหน้าข้างหลังให้ถั่วถึงเพื่อดูเด็กได้ทั่วถึง  และการสอนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น   และเข้าห้องเรียนต้องคำนับเด็กก่อนเพื่อให้ความรักความอบอุ่นกับเด็ก  และเป็นที่เคารพแก่เด็ก  เพราะเด็กเป็นอนาคตของชาติ
              ครูยุวดี      ครูให้เด็กทบทวนสิ่งที่สอนไปแล้วโดยใช้ปัดคำวันละ  1   คำเป็นภาษาอังกฤษและให้เด็กอ่านก่อนเข้าห้องเรียน โดยดูวิธีมาจากครูสรพง  ท่านได้ทำปัดคำภาษาไทยก่อนเดินเข้าโรงเรียนต้อนเช้าและหลังจากนั้น  ท่านได้ให้ใช้ปัดคำที่ดูในตอนเช้าทุกวันไปแต่งเป็นกลอนหรือนิทานหรือเป็นเรื่องเล่าต่างๆเด็กจะได้ความรู้และความสนุกสนานในการทำกิจกรรม   ครูยุวดีก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้การสอนแบบนี้กับเด็กและท่านได้ยกตัวอย่างรายการเกรดแอฟสันไอเดีย   สอนเรื่องกราฟ  โดยให้นักเรียนไปศึกษาอาหารที่ชอบและให้ตัวแทนเด็กออกมาหน้าห้อง   ให้เป็นแนวตั้ง  1  คน  และเขียนตัวเลขตามลำดับติดตัวของเด็กที่เป็นแนวตั้งและหาเด็กที่เป็นแนวนอนโดยถามความสมัคใจ ของเด็กและให้ถือภาพอาหารคนละหนึ่งภาพและให้ขึ้นลงตามตัวเลขที่เด็กมีความสนใจ โดยย่อเขาหรือนั่ง   กิจกรรมนี้จะเน้นให้เด็กมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม   และทำให้เด็กมีความสนใจในการเรียนการสอนมากขึ้น
                     อาชีพครูจะต้องมีคุณสมบัติที่ดีคือ         ตัวครูจะต้องมีความรู้ความสามารถในการสอนและมีวิธีการจัดกิจกรรมที่ก่อให้เด็กเกิดองค์ความรู้และตัวครูจะต้องมีคุณธรรม จริยธรรม  มีความเมตตากรุณา  อับเดดความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ   ทันโลก  ทันต่อเหตุการณ์ และจะทำให้เกิดกับตัวนักศึกษาคือนำความรู้ที่ได้ดูนำไปปรับใช้ในการฝึกสอนโดยใช้กิจกรรมต่างที่ได้ดูจากทีวี   และตัวนักศึกษาจะต้องมีคุณธรรมและจรรยาบรรณในการเป็นครู  และหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อมาปรับการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ